close

27 ก.ย. 2565

5 เหตุผลทำไม SCGC ตอบโจทย์บริษัทธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่เติบโตอย่างยั่งยืน

Business Circular Economy Sustainability

ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ภาคธุรกิจต้องเผชิญกับสภาวการณ์ที่ไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา หลายครั้งเราจะสังเกตเห็นว่า ธุรกิจที่มุ่งแสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน แต่ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน กลับยืนหยัดได้ยาวนานท่ามกลางกระแสของการเปลี่ยนแปลง

เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ดำเนินธุรกิจบนเส้นทางของความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมมุ่งมั่นสู่ “ผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืน” โดยนำหลัก ESG อันได้แก่ Environmental การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม Social ความรับผิดชอบต่อสังคม และ Governance หรือบรรษัทภิบาลมาปรับใช้ และยังเน้นหนักในเรื่องหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า จึงทำให้ที่ผ่านมา SCGC มีผลการดำเนินงานที่เติบโตมาโดยตลอด แม้ว่าจะต้องเจอกับหลากหลายความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ และนี่คือ 5 เหตุผลที่ทำให้ SCGC พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน

บริษัทที่ไม่หยุดนิ่งเพื่อพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

SCGC ไม่เพียงผลิตเม็ดพลาสติกเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยมี SCGC GREEN POLYMERTM เป็นผลิตภัณฑ์เรือธง ที่ส่งต่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมจาก SCGC สู่มือผู้บริโภค ด้วยหลักการครอบคลุม 4 ด้าน คือ (1) REDUCE : ลดการใช้เม็ดพลาสติก โดยนำเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงที่ผลิตจากเทคโนโลยี SMX™ ซึ่งมีความแข็งแรงเป็นพิเศษมาใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ จึงช่วยลดการใช้เม็ดพลาสติก โดยยังคงคุณสมบัติอื่น ๆ ไว้อย่างครบถ้วน (2) RECYCLABLE : การออกแบบเพื่อให้รีไซเคิลได้ โดยพัฒนาร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างครบวงจร เป็น Recyclable Packaging Solution เพื่อเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (flexible packaging) ให้สามารถรีไซเคิลได้ง่าย (3) RECYCLE : นำพลาสติกใช้แล้วในครัวเรือนมารีไซเคิลเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง ช่วยลดปริมาณขยะ และลดการใช้ทรัพยากร และ (4) RENEWABLE พัฒนาพลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และพลาสติกจากทรัพยากรหมุนเวียน

ความใส่ใจตั้งแต่ต้นกระบวนการเคมีภัณฑ์
ปรับปรุงการทำงานบริษัทให้มีประสิทธิภาพ

SCGC ไม่เคยหยุดพัฒนาปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต ได้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่เรียกว่า AI Supervisory System มาใช้เพื่อวิเคราะห์การทำงานของเครื่องจักร บริหารจัดการพลังงาน และตรวจสอบความผิดปกติของการใช้พลังงานในโรงงานได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ถึง 17 ล้านบาทต่อปี โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงเครื่องจักร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศได้ 1,600 ล้านตันต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ปีละกว่า 160,000 ต้น เป็นหนึ่งในก้าวสำคัญสู่การนำพาธุรกิจสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050

ความมุ่งมั่นที่บริษัทจะทำประโยชน์เพื่อสังคม 

SCGC มีโครงการที่สร้างความยั่งยืนสู่สังคมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละโครงการล้วนเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ โครงการชุมชน LIKE (ไร้) ขยะ โมเดลการจัดการขยะแบบครบวงจรที่ SCGC ริเริ่มขึ้นเป็นรายแรก ๆ ของประเทศ ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง ร่วมกับการพัฒนาแอปพลิเคชัน “คุ้มค่า” (KoomKah) เป็นตัวช่วยจัดการข้อมูลให้กับธนาคารขยะและสมาชิกของโครงการ ปัจจุบันโครงการชุมชน LIKE (ไร้) ขยะ สามารถนำขยะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ถึง 193 ตัน ลดปริมาณการฝังกลบขยะ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้กว่า 134,000 กิโลกรัมคาร์บอน (kgCO2eq) (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564)

ระยะต่อมา SCGC จึงต่อยอดขยายผลโดยนำองค์ความรู้มาถ่ายทอดให้กับเยาวชนผ่านโครงการ “ถุงนมกู้โลก” ให้เด็ก ๆ เห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ของการคัดแยกขยะ ด้วยการนำถุงนมโรงเรียนที่ดื่มหมดแล้วมาตัด ล้าง ตาก เก็บ ก่อนส่งไปรีไซเคิลเป็นเก้าอี้พลาสติกกลับมาใช้ในโรงเรียน ทำให้ถุงนมกว่า 1.8 ตัน (*ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564) ได้กลับสู่กระบวนการรีไซเคิลและกลับมาสร้างคุณค่าใหม่อีกครั้ง

บริษัทที่ดูแลชุมชนเสมือนครอบครัว

ไม่ว่าบริษัทฯ จะขยายกิจการเข้าสู่พื้นที่ไหน ก็นำพาคุณภาพชีวิตที่ดีไปสู่ผู้คนในท้องที่นั้น ๆ เสมอ ยกตัวอย่างชุมชนในจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานการผลิตของ SCGC ที่นี่มีโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชนมากมาย อาทิ โครงการวิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพผู้เลี้ยงชันโรงบ้านทับมา ที่ SCGC ได้ช่วยสนับสนุนองค์ความรู้ และยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่มาตรฐานสากล ช่วยสร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้กับชุมชน หรือโครงการชุมชนคนน้ำดี เก็บน้ำดี มีน้ำใช้ ด้วยโมเดล 2 สร้าง 2 เก็บ ที่ SCGC ร่วมมือกับชาวชุมชนมาบจันทร์สร้างระบบจัดการน้ำอย่างยั่งยืนด้วยการ “สร้างคน” ปั้นนักวิจัยท้องถิ่น เพื่อเก็บข้อมูลและประยุกต์ใช้องค์ความรู้มาแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ “สร้างกติกา” ดูแลการใช้น้ำในปริมาณที่เหมาะสม “เก็บน้ำ” เก็บน้ำฝน และกักตุนน้ำสำหรับหน้าแล้ง “เก็บข้อมูล” ให้สามารถคาดการณ์น้ำคงเหลือ เพื่อนำไปบริหารจัดการน้ำได้อย่างเป็นระบบ ส่งผลให้พื้นที่แห้งแล้งกลายเป็นชุ่มชื้น น้ำที่ขาดแคลนมีเพียงพออุปโภคบริโภค และมอบชีวิตที่สดชื่นให้กับคนในชุมชน

พร้อมเอาใจใส่พนักงาน และการบริหารบริษัทอย่างโปร่งใส

SCGC ยึดมั่นดำเนินกิจการตามกรอบจรรยาบรรณ ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีนโยบายต่อต้านการคอร์รัปชัน พร้อมผลักดันให้ธุรกิจขับเคลื่อนด้วยความรับผิดชอบ โปร่งใส และเป็นธรรม ด้วยการสื่อสารให้พนักงานมีความเข้าใจในหลักการดำเนินธุรกิจของบริษัท และต้องผ่านการทดสอบด้านจริยธรรม (Ethics e-Testing) ให้ได้ 100% ขณะเดียวกัน SCGC ยังให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกระดับอย่างเท่าเทียม ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งดูแลพนักงานไม่ให้เกิดการเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุจากการทำงาน และมีความตระหนักเรื่องความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน

ตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปีของการดำเนินธุรกิจ SCGC ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนทั้งในองค์กร และต่อยอดสู่ชุมชนและสังคมโดยรอบ เพราะ SCGC เชื่อว่าการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และการมีบรรษัทภิบาล ถือเป็นเสาหลักที่สำคัญของบริษัท เป็นพื้นฐานของการเติบโตที่แข็งแกร่ง และเป็นแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในทุกอย่างก้าว ความมุ่งมั่นรับผิดชอบต่อสังคมของ SCGC คือจุดแข็งขององค์กร ที่นำพาให้ธุรกิจยืนหยัดในเส้นทางของความยั่งยืน


Is this article useful ?