ในโลกที่ไม่หยุดนิ่งและเต็มไปด้วยความท้าทาย การคว้าโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจสามารถเกิดขึ้นได้ถ้าธุรกิจไม่หยุดคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ดังเช่นเส้นทางการเติบโตของบริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ที่ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจได้มีการปรับเปลี่ยนให้ก้าวทันเทรนด์โลกอยู่เสมอ
ผู้นำธุรกิจปิโตรเคมีในประเทศไทยกว่า 40 ปี
ย้อนไปเมื่อราว 40 ปีก่อน ถือเป็นยุคบุกเบิกของธุรกิจปิโตรเคมีในประเทศไทย ซึ่งเอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ได้เริ่มดำเนินธุรกิจในช่วงเวลาดังกล่าว โดยมีธุรกิจหลัก ได้แก่ การผลิตเม็ดพลาสติก หรือ พอลิเมอร์ ซึ่งสามารถนำมาขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย จนได้พัฒนาคุณสมบัติ ต่อยอดเป็นนวัตกรรมพลาสติกที่อยู่รอบตัวผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ บรรจุภัณฑ์อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่อทนแรงดัน สายเคเบิลโทรคมนาคม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอื่น ๆ เช่น SCGC Floating Solar Solutions โซลูชันเพื่อพลังงานสะอาด และสารเคลือบ emisspro® สารเคลือบเตาเผาในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น เห็นได้ว่า นวัตกรรมจาก SCGC อยู่ในชีวิตประจำวัน จับต้องได้ พร้อมตอบสองความต้องการของผู้บริโภค และยังครอบคลุมนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมด้วย
การเติบโตของธุรกิจในต่างประเทศ
SCGC เติบโตอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยการขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดเคมีภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนเรามีฐานการผลิตใน 3 ประเทศสำคัญของภูมิภาค ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่ ประเทศไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยประเทศไทยคือฐานการผลิตหลัก ส่วนอินโดนีเซียเป็นการลงทุนผ่านการถือหุ้น 30.57% ใน Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) และในเวียดนาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการ LSP คอมเพล็กซ์ปิโตรเคมี (Long Son Petrochemical Complex) ซึ่ง SCGC ถือเป็นรายแรกที่เข้าไปลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีในเวียดนาม การมีฐานผลิตใน 3 ประเทศ ดังกล่าวนั้นจะทำให้ SCGC สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้รวดเร็ว และคงความได้เปรียบทางธุรกิจ
ทิศทางธุรกิจในอนาคต
สำหรับทิศทางการเติบโตของ SCGC นับจากนี้ จะเป็นเส้นทางที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ด้วยการพัฒนากลุ่มสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services: HVA) เพื่อตอบรับเมกะเทรนด์ 5 ด้าน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างพื้นฐานจากการขยายตัวของเมือง ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด และการดูแลสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีการคิดค้นโซลูชันเพื่อสิ่งแวดล้อม เรียกว่า Green Polymer ที่ตอบโจทย์ 4 ด้าน ได้แก่ (1) Reduce ลดการใช้ทรัพยากรและใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด (2) RECYCLABLE เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์แบบเดิม ๆ ให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ (3) RECYCLE นำพลาสติกใช้แล้วมารีไซเคิล ช่วยลดปริมาณขยะและลดการใช้ทรัพยากร และ (4) RENEWABLE พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และพลาสติกจากทรัพยากรหมุนเวียนอย่างพืช เพื่อตอบโจทย์ด้านการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
กลยุทธ์สร้างนวัตกรรมองค์กร สร้างธุรกิจใหม่
มากไปกว่านั้น SCGC ยังไม่เคยหยุดนิ่งที่จะมองหาโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อตามติดเทรนด์โลกที่เปลี่ยนไปได้ทันท่วงที นอกจากการพัฒนาเทคโนโลยีภายในองค์กรแล้ว ยังมีความร่วมมือกับเครือข่ายหน่วยงานภายนอกในการเฟ้นหาไอเดียใหม่ ๆ มีการก่อตั้งศูนย์ i2P (Ideas to Products) ที่เป็นเสมือนคลังความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ที่เปิดรับฟังความต้องการของลูกค้า ร่วมกันหาโอกาสทางธุรกิจ คิดค้นและให้คำปรึกษา ทั้งการเลือกหรือออกแบบวัสดุที่เหมาะสมกับสินค้า (Material Formulation) การเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเชิงวิศวกรรม (Engineering Design) หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) และท้ายที่สุดคือการนำไปขึ้นรูปสินค้า ทดสอบคุณภาพ ให้สามารถนำไปต่อยอดใช้งานได้จริง ศูนย์ i2P ช่วยให้การพัฒนานวัตกรรมเป็นไปได้อย่างรวดเร็วติดสปีด ครบวงจร พร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งวันนี้และอนาคต
ปรับภาพลักษณ์สู่มิติใหม่
เพื่อการเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืน SCGC จึงมุ่งดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวคิด ESG (Environmental, Social and Governance) และตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของโลกที่เปลี่ยนไป ขณะเดียวกันก็ได้ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้สะท้อนตัวตนความเป็น SCGC อย่างชัดเจน ด้วยตราสัญลักษณ์รูปแบบใหม่เป็นรูปกราฟิกใบไม้หกเหลี่ยม และตัวอักษร SCGC สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน พร้อมทั้งความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรม และร่วมสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้น
SCGC ย่อมาจากอะไร?
ตัวอักษร “SCGC” ย่อมาจากคำว่า SCG Chemicals ที่ออกแบบให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สื่อถึงความมั่นคง นอกจากนี้ยังใช้โทนสีเพื่อสื่อความหมาย ได้แก่ สีน้ำเงิน สื่อถึงนวัตกรรมและความรับผิดชอบ สีเขียว สื่อถึงการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน สีแดง สะท้อนอุดมการณ์ของเอสซีจีที่ยึดมั่นปฏิบัติ และสีเหลือง แสดงตัวตนที่ไม่หยุดนิ่งพร้อมเดินหน้าเพื่อสร้างการเติบโต
ไม่ใช่แค่ตราสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่เปลี่ยนไป แต่ SCGC ยังได้นำเสนอเรื่องราวของธุรกิจภายใต้แนวคิด INNOVATION THAT’S REAL หรือนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ เพื่อทุกความเป็นไปได้ เพื่อเน้นย้ำ สร้างการจดจำถึงเรื่องราวการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ไร้ขีดจำกัดของ SCGC ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่อยู่รอบตัว และพร้อมพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างรอบด้าน