เมกะเทรนด์ด้านสุขภาพ หนึ่งในเทรนด์แห่งอนาคตที่เป็นจุดเปลี่ยนของทุกชีวิต เมื่อประชากรโลกหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น บวกกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ก็ทำให้ธุรกิจด้านนวัตกรรมการแพทย์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทย ธุรกิจด้านการแพทย์ถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน New S Curve หรืออุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ที่ภาครัฐให้การส่งเสริม พร้อมกับการเปิดประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub)
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยธนาคารกรุงศรีฯ ประเมินว่า ในช่วงปี 2564 - 2565 มูลค่าการจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 6.5% และมีมูลค่าการส่งออกเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี จากหลายปัจจัยสนับสนุน ทั้งวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป การเกิดโรคต่าง ๆ ที่ทำให้ต้องเพิ่มการดูแลสุขภาพมากขึ้น รวมถึงความต้องการรับการรักษาในประเทศไทยของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้
แนวโน้มการเจ็บป่วยและการรักษาพยาบาล
คนรุ่นใหม่มีวิถีชีวิตที่ต่างไปจากเดิม ทำให้ทุกวันนี้มีผู้ป่วยโรคติดต่อไม่เรื้อรัง (NCDs) รายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคปอด โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่ทำให้อัตราการเจ็บป่วยและเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมีมากขึ้น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่า ในปี 2566 ประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 13.5 ล้านคน สำหรับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพคาดว่าปี 2565 นี้ จะสูงถึง 2.3 แสนล้านบาท เพิ่มจาก 6.3 หมื่นล้านบาทในปี 2553 ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความต้องการใช้เครื่องมือแพทย์มากขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยีที่เจริญรุดหน้า อุปกรณ์การแพทย์บางอย่างจึงต้องสอดรับกับเทคโนโลยีขั้นสูง หรือออกแบบมาให้เน้นประสิทธิภาพในการใช้งาน เอื้อต่อการทำงานของบุคลากรการแพทย์
ขณะเดียวกัน การระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา ก็ทำให้คนไทยบางส่วนเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขอนามัย และใส่ใจสุขภาพ เป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยพัฒนาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้เช่นกัน
การเปิดประเทศเป็น Medical Hub
ประเทศไทยถือเป็นฐานที่มั่นด้านสุขภาพที่หลายประเทศให้ความไว้วางใจ ทั้งในด้านคุณภาพการบริการ มาตรฐานการรักษา และเทคโนโลยีทางการแพทย์ เรามีความพร้อมทั้งด้านการรักษาโรคเฉพาะทางและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ยกตัวอย่างการมีศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์เวชศาสตร์เพื่อการฟื้นฟู คลินิกโรคเฉพาะทาง หรือแม้แต่การให้บริการด้านการป้องกันโรค ชะลอวัย เป็นต้น ทำให้มีชาวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทยเพื่อรักษาโรคและดูแลสุขภาพติดอันดับต้น ๆ ของโลก ส่วนมากมาจากประเทศแถบเอเชียตะวันออก ยุโรป และตะวันออกกลางตามลำดับ ชาวต่างชาติเหล่านี้นิยมมาใช้บริการตรวจสุขภาพ ศัลยกรรมความงาม กระดูก ทันตกรรม และการผ่าตัดหัวใจ เป็นต้น ทำให้รัฐบาลมีนโยบาลผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) พร้อมให้สิทธิพิเศษทางภาษีแก่ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมทางการแพทย์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการแพทย์ที่เป็นประโยชน์ภายในประเทศ ลดต้นทุนการนำเข้า และสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก
จากปัจจัยที่ส่งเสริมความต้องการด้านการแพทย์ข้างต้น ทำให้เครือโรงพยาบาลหลายรายในบ้านเรามีแผนขยายการลงทุน ทั้งการสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ให้ครอบคลุมในหลายพื้นที่สำคัญ และการลงทุนด้านเครื่องมือแพทย์ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยทั้งในไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ผู้ประกอบการสถานพยาบาลหลายรายต่างก็แข่งขันในเรื่องการให้บริการด้วยนวัตกรรมที่คิดมาเฉพาะสำหรับใช้งานในโรงพยาบาล ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการ และยกระดับการทำงานของบุคลากรการแพทย์ให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
นวัตกรรมเม็ดพลาสติกเกรดสำหรับอุตสาหกรรมการแพทย์พยาบาล
บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ผู้นำนวัตกรรมเคมีภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ด้านสุขภาพ ด้วยการคิดค้นเม็ดพลาสติกเกรดสำหรับอุตสาหกรรมการแพทย์ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ปราศจากสารปนเปื้อน ปลอดภัย ขึ้นรูปการใช้งานได้หลากหลาย เช่น ขวดน้ำเกลือแบบแขวน ถุงเลือด และหลอดฉีดยา เป็นต้น เพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้นและสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างทั่วถึงและสะดวกยิ่งขึ้น โดยความแตกต่างของพลาสติกสำหรับวงการแพทย์กับพลาสติกประเภทอื่นคือ ทั้งกระบวนการผลิตจะต้องสะอาดและปลอดเชื้อ นอกจากนั้นยังต้องสะดวกในการขนส่ง ไม่แตกหักเสียหายระหว่างทาง รองรับสำหรับพื้นที่ห่างไกล
ต่อยอดสู่นวัตกรรมการออกแบบ
อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์
นอกจากนี้ SCGC ยังใช้ความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ผสานกับการออกแบบ มาใช้สร้างสรรค์นวัตกรรมการแพทย์ร่วมกับลูกค้าที่เป็นเครือโรงพยาบาลชั้นนำ จนเกิดเป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในโรงพยาบาลมากมาย อาทิ รถเข็นผู้ป่วยอัจฉริยะพร้อมดีไซน์ใหม่ที่ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ถังทิ้งเข็มฉีดยา รถเข็นจ่ายยาอัจฉริยะ ที่ช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วยให้กับเหล่าบุคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า SCGC มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับทุกความต้องการใช้งานของโลกในอนาคต ซึ่งสินค้าที่คิดค้นมาเพื่อรองรับการเติบโตของเมกะเทรนด์ยังมีอีกหลายด้าน ไม่ได้จำกัดเฉพาะด้านการแพทย์เท่านั้น เพราะผลิตภัณฑ์ของ SCGC มุ่งเน้นด้านคุณภาพ ดีต่อทุกชีวิต และสามารถคิดต่อยอดไปสู่นวัตกรรมเพื่อทุกความเป็นไปได้ INNOVATION THAT’S REAL ได้ไม่รู้จบ
____________________
ที่มา: