ปัจจุบันทั่วโลกเกิดการตื่นตัวเรื่องการดูแลสภาพแวดล้อมมากขึ้นในทุกภาคส่วนโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหภาพยุโรปออกระเบียบว่าด้วยการจำกัดการใช้สารอันตรายบางชนิดในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (The Restriction of the use of certain Hazardous Substance in electrical and electronic equipment; RoHS) เป็นต้น สำหรับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น มีการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งและในขณะเดียวกันอุตสาหกรรมยานยนต์ก็ยังตื่นตัว และให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย ทั้งการผลิตชิ้นส่วนที่ได้มาตรฐานระดับสากลการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดจนดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพราะทุกวันนี้ปัญหามลพิษทวีความรุนแรงขึ้น ทรัพยากรถูกใช้อย่างสิ้นเปลืองจนอาจหมดลงในไม่ช้า ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่มีความผันผวน จึงทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการพัฒนารถยนต์ที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานให้มากขึ้นควบคู่ไปกับการคิดค้นรถพลังงานทางเลือกใหม่ๆ ทางด้านผู้บริโภคก็มีพฤติกรรมในการซื้อรถยนต์เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกันโดยมีความรอบคอบในการซื้อมากขึ้น เลือกรถยนต์ที่มีขนาดกะทัดรัดคล่องตัวและประหยัดน้ำมัน จึงไม่แปลกใจเลยที่ในช่วง 4-5 ปีนี้รถยนต์พลังงานทางเลือกและรถประหยัดพลังงาน (Eco Car) ถูกจับตาและได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้นโดยเฉพาะในประเทศไทย
Eco Car ทางเลือกใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
รัฐบาลไทยผลักดันและส่งเสริมโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลหรือ Eco car ขึ้นในปี 2550 ด้วยแนวคิด Ecological friendly car for modern society หรือรถยนต์ที่มีความเป็นมิตรต่อระบบนิเวศน์สำหรับสังคมทันสมัยภายใต้กรอบคุณสมบัติสะอาด ประหยัด ปลอดภัย มีการคาดการณ์จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ว่าในปีนี้จะมีกำลังการผลิตรวมจาก Eco Car เพิ่มขึ้นประมาณ 658,000 คันต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่ว่า ปี 2555 ถือเป็นปีทองของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสามารถผลิตได้มากกว่า 2 ล้านคันโดยมีโปรดักส์แชมเปี้ยนคือ รถปิกอัพและ Eco Car ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งการประหยัดพลังงานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและยังเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมทำให้ Eco Car สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
ทำความเข้าใจมาตรฐานรถ Eco car
ด้วยคุณสมบัติของ Eco Car ที่ต่างจากรถยนต์โดยทั่วไปทั้งด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานมลพิษระดับ Euro 4 และมีปริมาณก๊าซ CO2 ที่ปล่อยออกจากท่อไอเสียไม่เกิน 120 กรัมต่อกิโลเมตร คุณสมบัติด้านการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องมีอัตราการใช้เชื้อเพลิงไม่เกิน 5 ลิตรต่อ100 กิโลเมตร และคุณสมบัติด้านความปลอดภัยซึ่งต้องป้องกันผู้โดยสารกรณีที่เกิดอุบัติเหตุการชนด้านหน้าและด้านข้างของตัวรถ ทำให้การผลิต Eco Car จำเป็นต้องมีชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานเพื่อให้ตัวรถผ่านข้อกำหนดต่าง ๆ
นวัตกรรมพลาสติก ส่วนหนึ่งที่ร่วมขับเคลื่อนเพื่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากเหล็กและอลูมิเนียมจะเป็นส่วนประกอบหลักในการผลิตรถยนต์แล้วยังมี พลาสติกชนิดพิเศษอย่าง PP Compound ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ ทั้งทนทานความร้อนสูง ทนรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต แข็งแรง รับแรงกระแทกได้ดี มีความปลอดภัยสูง ใช้งานได้ยาวนาน โดยที่คุณสมบัติทางกายภาพไม่เปลี่ยน เป็นวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ และที่สำคัญคือ น้ำหนักเบา เมื่อตัวรถมีน้ำหนักเบาทำให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ด้วยเช่นกัน ดังนั้น PP Compound จึงเป็นทางเลือกใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เน้นเรื่องการผลิตรถยนต์ประหยัดน้ำมันอันเกิดจากการให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจนั่นเอง
บริษัท แกรนด์สยามคอมโพสิต จำกัด หรือ GSC บริษัทร่วมทุนระหว่าง SCG Chemicals Mitsui Chemicals Inc. และ Prime Polymer ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 มีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตพลาสติกคุณภาพดีสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่ง PP Compound ของ GSC ถูกนำมาใช้เป็นวัสดุในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์หลายส่วนด้วยกัน อาทิ กันชน แผงเครื่องตรวจวัด คอนโซล แผงประตู และอุปกรณ์ตกแต่งต่าง ๆ ไม่เพียงเฉพาะคุณสมบัติของ PP Compound เท่านั้นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหากแต่ยังรวมไปถึงกระบวนการผลิตด้วยเนื่องจากบริษัทให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก เช่น การควบคุมส่วนผสมของสารอินทรีย์ไอระเหยหรือสาร VOCs (Volatile Organic Compounds) ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานในระยะยาวหากไม่ควบคุม นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาในทุกขั้นตอนการผลิต โดยมีทีมงานที่เชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่นมาดูแลอย่างใกล้ชิด
การเติบโตของ GSC ควบคู่ไปกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมเนื่องด้วยบริษัทฯ มีความตระหนักและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่งจึงได้ควบคุมกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนให้มีประสิทธิภาพ พัฒนาเทคโนโลยีและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ได้สินค้าคุณภาพดีที่ช่วยรักษาสภาพแวดล้อมไปด้วย ถือเป็นความภาคภูมิใจในความสำเร็จของบริษัทฯ อย่างแท้จริง