นางณัฏฐิณี เนตรอำไพ ผู้จัดการอาวุโสส่วนองค์กร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ดิฉันเชื่อว่าพลาสติกมีที่ของมัน และที่นั้นไม่ใช่ตามซอย ถนนหนทาง คลอง หรือแม่น้ำลำธาร ด้วยเหตุนี้ ยูนิลีเวอร์จึงได้ประกาศความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของเราทั้งหมด 100% ให้สามารถรีไซเคิลได้ ใช้ซ้ำได้ หรือ ย่อยสลายได้ ลดการใช้เม็ดพลาสติกใหม่ลงครึ่งหนึ่ง หรือ 1 แสนตันทั่วโลก และเรียกเก็บบรรจุภัณฑ์พลาสติกให้ได้มากกว่าที่เราขาย ทั้งหมดนี้ ภายในปี พ.ศ. 2568 เพื่อให้พลาสติกใช้แล้วหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจและไม่หลุดรอดสู่สิ่งแวดล้อม ความสำเร็จของโครงการแยกดีมีแต่ได้ มาจากความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างกลุ่มพันธมิตรที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน อันได้แก่ ผู้ผลิตสินค้า ผู้รีไซเคิลและแปรรูปบรรจุภัณฑ์พลาสติก เทศบาล และชุมชน โดยไม่สามารถที่จะขาดผู้เล่นใดผู้เล่นหนึ่งได้เลย อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น การปกป้องโลกใบนี้ของเราจะต้องมาจากความพยายามของพวกเราทุกคน ที่จะเปลี่ยนแปลงพลาสติกใช้แล้วให้กลายเป็นทรัพยากรหมุนเวียนไม่รู้จบ”
นายกฤษดา เรืองโชติวิทย์ Head of ESG office บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจีซี กล่าวว่า “เอสซีจีซี ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน และตอบโจทย์ ESG (Environmental, Social and Governance) ซึ่งนอกจากการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนไปพัฒนานวัตกรรมพลาสติกเพื่อสิ่งแวดล้อมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นหัวใจสำคัญ คือ การจัดการพลาสติกใช้แล้วอย่างครบวงจร โดยคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง เริ่มจากการปลูกจิตสำนึก ให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการคัดแยกขยะ และที่สำคัญ คือ การสร้างแรงจูงใจให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และแสดงตัวอย่างให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับ ‘โครงการแยกดี มีแต่ได้’ ที่ธนาคารขยะชุมชนเทศบาลเมืองใหม่บางบัวทองนั้น ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา ได้เห็นผลเชิงประจักษ์แล้วว่า หากคนในชุมชนหันมาคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง มีระบบการจัดการอย่างครบวงจร ขยะก็จะไม่ใช่ขยะอีกต่อไป แต่จะเป็นตัวช่วยที่สร้างรายได้เพิ่ม และช่วยลดภาวะโลกรวนได้อีกทางหนึ่งด้วย ถือเป็นต้นแบบที่สามารถนำไปถอดบทเรียน และขยายผลสู่ชุมชนอื่น ๆ ต่อไป”
นายวิเชียร เจริญนนทสิทธิ์ นายกเทศบาลเมืองใหม่บางบัวทอง กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับเกียรติ ร่วมจัดทำโครงการ “คุ้มค่า x ยูนิลีเวอร์ แยกดีมีแต่ได้” โดยได้รับความร่วมมือระหว่างบริษัทยูนิลีเวอร์ และบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ เป็นชุมชนนำร่องให้ประชาชนในเขตพื้นที่ได้ทำการคัดแยกบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้แล้ว 2 ประเภท คือ ขวด HDPE และ ซองบรรจุภัณฑ์หลายชั้น ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมากทั้งต่อชุมชน และต่อสิ่งแวดล้อม เป็นการสร้าง ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ตลอดจนสร้างทัศนคติที่ดีต่อการมีส่วนร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม ผ่านการคัดแยกขยะ และผมมีความยินดีอย่างมากที่จะให้ความร่วมมือต่อไปหากมีสิ่งไหนที่เทศบาลเมืองใหม่บางบัวทองในฐานะที่เป็นองค์กรที่ใกล้ชิดกับประชาชนที่สุดสามารถทำได้ ผมยินดีจะทำด้วยความยินดีและเต็มความสามารถ เพื่อสร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ในการร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน และเป็นแบบอย่างให้แก่ชุมชนอื่นต่อไป”
ความสำเร็จของโครงการในครั้งนี้ถือเป็นเพียงก้าวแรก และเราจะไม่หยุดเท่านี้ เรายังมีแผนที่จะขยายโครงการไปยังเทศบาลหรือชุมชนอื่นต่อไปอย่างต่อเนื่อง เราจะดำเนินการต่อไปเพื่อสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมไปถึงการสร้างแรงจูงใจและการตระหนักถึงปัญหาโลกร้อนและปัญหาพลาสติก ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนและไม่ใช่หน้าที่ของใครเพียงคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องเกิดจากความร่วมมือของทุก ๆ คนและทุก ๆ ภาคส่วนจึงจะสำเร็จได้ และเราหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นต้นแบบให้ผู้ประกอบการ ผู้ผลิตสินค้า Recycler อื่น ๆ รวมไปถึงรัฐบาลลุกขึ้นมาทำสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจังต่อไป นางณัฏฐิณี กล่าวสรุป
เกี่ยวกับยูนิลีเวอร์
ยูนิลีเวอร์เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ชั้นนำของโลกด้านผลิตภัณฑ์ความงามและการดูแลส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม โดยมียอดขายในกว่า 190 ประเทศและเข้าถึงผู้บริโภค 3.4 พันล้านคนต่อวัน มีพนักงาน 148,000 คน สร้างยอดขายได้ 52.4 พันล้านยูโรในปี 2564 กว่าครึ่งของพื้นที่บริการของบริษัทอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาและตลาดใหม่ ยูนิลีเวอร์มีประมาณ 400 แบรนด์ที่พบอยู่ในทุกบ้านทั่วโลก รวมถึง บรีส, ซันซิล, คนอร์, โดฟ, ซันไลต์, วาสลีน, โอโม ไอศกรีมวอลล์ ลักส์, ซิตร้า, โคลสอัพ, คอมฟอร์ท, เทรซาเม่, เคลียร์, แอ็กซ์, เรโซน่า, พอนด์ส และแบรนด์อื่นๆ เช่น ไลฟ์บอย, เลิฟ บิวตี้ แอนด์ แพลนเน็ต, เซเว่นท์เจนเนอเรชั่น, เฮลล์แมนน์ และเซิร์ฟ
วิสัยทัศน์ของเราคือการเป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจที่ยั่งยืน และเพื่อแสดงให้เห็นว่าโมเดลธุรกิจที่มีเป้าหมายและเหมาะสมกับอนาคตของเรานั้นขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าได้อย่างไร เรามีประเพณีอันยาวนานในการเป็นธุรกิจที่ก้าวหน้าและมีความรับผิดชอบ ย้อนกลับไปในสมัยของ วิลเลียม ลีเวอร์ (William Lever) ผู้ก่อตั้งของเรา ซึ่งเปิดตัวแบรนด์สบู่ ซันไลต์ (Sunlight Soap) ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีเป้าหมายแห่งแรกของโลกเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว และเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารบริษัทของเราในปัจจุบัน
Unilever Compass กลยุทธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนของเรา ตั้งขึ้นเพื่อช่วยให้เราส่งมอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ โดยมุ่งมั่นที่จะ:
- ทำให้สุขภาพของโลกดีขึ้น
- ทำให้สุขภาพ ความมั่นใจ และความเป็นอยู่ของผู้คน และ
- มีส่วนทำให้เกิดโลกที่ยุติธรรมและเปิดกว้างทางสังคมมากขึ้น
ในขณะที่ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำในปีที่ผ่านมา เราภูมิใจที่ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำภาคส่วนในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ของ S&P สถานะ 'Triple A' ในเกณฑ์มาตรฐานด้านสภาพภูมิอากาศ น้ำ และป่าไม้ของ CDP และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบริษัทอันดับต้น ๆ ในการสำรวจ Global Corporate Sustainability Leaders เป็นปีที่ 11 ติดต่อกัน
ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์สินค้า: https://www.unilever.co.th/
ข้อมูลเกี่ยวกับ แผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของยูนิลีเวอร์ (USLP): https://www.unilever.co.th/planet-and-society/
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ฝ่ายสื่อสารองค์กร อีเมล Press.Thailand@unilever.com
เกี่ยวกับ เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC
เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) เป็นผู้นำด้านการผลิตเคมีภัณฑ์แบบครบวงจรในอาเซียน ทั้งในเวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย ซึ่งมุ่งสร้างสรรค์ "นวัตกรรมเคมีภัณฑ์" เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ตามแนวทาง ESG และหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน SCGC เน้นพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐาน บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์ การแพทย์และสุขภาพ และโซลูชันด้านพลังงาน ข้อมูลเพิ่มเติม www.scgchemicals.com