เอสซีจี-ยูนิลีเวอร์ ผนึกกำลังนำไทยสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน สร้างมิติใหม่ครั้งแรกในไทย “เปลี่ยนขยะพลาสติกใช้แล้วจากครัวเรือนเป็นพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงสำหรับขวดบรรจุภัณฑ์” เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
กรุงเทพฯ – 4 มิถุนายน 2564 เอสซีจี-ยูนิลีเวอร์ ประกาศความร่วมมือในการพัฒนาและเปลี่ยนขวดบรรจุภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์จากพลาสติกชนิด HDPE (ขวดแกลลอน ขวดน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ขวดแชมพูและขวดครีมนวด) เป็นพลาสติก HDPE รีไซเคิล (rHDPE) ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่นำพลาสติกใช้แล้วจากครัวเรือนหมุนเวียนกลับมาผลิตเป็นขวดบรรจุภัณฑ์ใหม่ โดยใช้นวัตกรรมเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (High Quality Post-Consumer Recycled Resin – PCR) ภายใต้แบรนด์ เอสซีจี กรีน พอลิเมอร์ (SCG Green PolymerTM) เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เชื่อมั่นความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ รวมทั้งการดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะสามารถนำประเทศไทยก้าวสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรม (Circular Economy in Actions) พร้อมสร้างมิติใหม่ให้กับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้บริโภคเกิดการคัดแยกพลาสติกใช้แล้วตั้งแต่ต้นทาง เพื่อหมุนเวียนกลับมาเป็นทรัพยากรใหม่ด้วยเทคโนโลยีรีไซเคิลคุณภาพสูง ช่วยสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อแก้วิกฤติภาวะโลกร้อน
จากปริมาณขยะทั้งหมดในประเทศไทย สัดส่วนของพลาสติกใช้แล้วที่นำมารีไซเคิลมีเพียงประมาณ 5 แสนตัน จากปริมาณทั้งหมดกว่า 2 ล้านตัน และส่วนใหญ่ยังจัดการไม่ถูกวิธี ประกอบกับสถานการณ์โควิด 19 ส่งผลให้มีการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกเพิ่มขึ้นจำนวนมาก การจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้วัสดุได้หมุนเวียนกลับคืนมาในระบบเศรษฐกิจ และไม่หลุดรอดไปทำลายสิ่งแวดล้อม
ความร่วมมือระหว่างเอสซีจีและยูนิลีเวอร์ครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญคือ ลดการใช้เม็ดพลาสติก (Virgin Resin) และเพิ่มปริมาณการใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (High Quality Post-Consumer Recycled Resin – PCR) ในบรรจุภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์ รวมถึงการตรวจสอบให้แน่ใจว่าบรรจุภัณฑ์นั้น ๆ สามารถนำมารีไซเคิลได้ เพื่อนำกลับมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ใหม่ เป็นการสร้างอุปสงค์ให้บรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้แล้วชนิด HDPE เพื่อให้เกิดการคัดแยกตั้งแต่ต้นทาง และเก็บกลับเข้าสู่ระบบ
นายโรเบิร์ต แคนเดลิโน ประธานกรรมการบริหารกลุ่ม บริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 88 ปีที่ยูนิลีเวอร์ดูแลคนไทย ด้วยสินค้าคุณภาพในทุกครัวเรือน ยูนิลีเวอร์มีเป้าหมายที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในระดับมหภาค รวมถึงการเปลี่ยนแปลงระบบจัดเก็บพลาสติกใช้แล้วตั้งแต่ต้นทาง เพื่อลดปัญหาขยะในประเทศไทยและสร้างระบบการจัดการที่จะเปลี่ยนพลาสติกใช้แล้วเป็นวัตถุดิบหมุนเวียนได้อย่างต่อเนื่อง โดยปี 2561 ยูนิลีเวอร์ประกาศความมุ่งมั่นด้านพลาสติก 3 ด้าน : (1) ลดการใช้เม็ดพลาสติกใหม่ลงครึ่งหนึ่ง หรือ 100,000 ตันทั่วโลก (2) บรรจุภัณฑ์ของเราจะต้องใช้ซ้ำได้ รีไซเคิลได้ หรือ ย่อยสลายได้ (3) เรียกเก็บและแปรรูปบรรจุภัณฑ์ของเราให้ได้มากกว่าที่เราขาย ทั้งหมดภายในปี 2568 โดยยูนิลีเวอร์ได้ดำเนินการเพื่อปฏิวัติบรรจุภัณฑ์พลาสติกมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากขวดซันไลต์ที่เปลี่ยนเป็นขวด PET รีไซเคิล และความร่วมมือระหว่างยูนิลีเวอร์และเอสซีจีในครั้งนี้ เป็นการนำขวดบรรจุภัณฑ์พลาสติก HDPE ที่ใช้งานแล้ว มาเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ผลิตเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (High Quality PCR) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยจะนำร่องจากบรรจุภัณฑ์ของสินค้าแบรนด์ ซันไลต์ (ขวดแกลลอน) คอมฟอร์ท โดฟ ซันซิล เคลียร์ เทรเซมเม่ และอื่น ๆ ต่อไป ยูนิลีเวอร์จะเปลี่ยนการใช้เม็ดพลาสติกบริสุทธิ์ไปใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (High Quality PCR) ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภทขวด rHDPE (Recycled HDPE) สำหรับผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์อย่างสมบูรณ์ เพื่อตอบสนองหัวใจหลักของการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในประเทศไทย นั่นคือการพัฒนาสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีของโลกและผู้คน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทั้ง 68 ล้านคน และเพื่อขอบคุณที่เปิดรับเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในบ้านของคุณมาตลอดระยะเวลา 88 ปี ด้วยความผูกพันอันยาวนานนี้ เราสัญญาว่าจะเรารับผิดชอบที่จะดูแลคนไทยและประเทศไทยซึ่งเป็นเสมือนบ้านของเราเช่นกัน”
นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี เผยว่า “ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ “ธุรกิจปิโตรเคมีเพื่อความยั่งยืน” ตามแนวทาง ESG (Environmental, Social and Governance) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยมีโรดแมปขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน 4 ด้าน ครอบคลุมตลอดทั้ง Supply Chain ได้แก่ (1) การพัฒนาและออกแบบสูตรการผลิตเม็ดพลาสติกและโซลูชัน ให้รีไซเคิลได้ง่าย ใช้ปริมาณพลาสติกน้อยลง (2) การนำพลาสติกใช้แล้วมาผลิตเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง หรือ PCR (Post-Consumer Recycled Resin) (3) การนำพลาสติกใช้แล้วมาผลิตเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับธุรกิจปิโตรเคมี (Advanced Recycling Process) และ (4) การพัฒนานวัตกรรมพลาสติกชีวภาพ (Bioplastics) ทั้งนี้ เพื่อสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม”
“ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจีได้พัฒนาสูตรการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง ชนิด HDPE ภายใต้แบรนด์ เอสซีจี กรีน พอลิเมอร์ (SCG Green PolymerTM) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของแบรนด์สินค้า และผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งความร่วมมือระหว่างยูนิลีเวอร์และเอสซีจีในครั้งนี้ ทำให้เกิดมิติใหม่ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ของกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าที่ใช้ภายในบ้าน ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ได้นำพลาสติกใช้แล้วจากครัวเรือนกลับมาผลิตเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง เพื่อใช้ผลิตขวด HDPE รีไซเคิลสำหรับบรรจุภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์ โดยสามารถใช้ส่วนผสมของเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (High Quality PCR) ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น และคงประสิทธิภาพของบรรจุภัณฑ์ไว้เช่นเดิม”
“ความร่วมมือกับยูนิลีเวอร์ซึ่งเป็นผู้ผลิตและเจ้าของแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของโลก จะช่วยผลักดันเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทยให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ช่วยลดการใช้ทรัพยากร และเพิ่มอัตราการรีไซเคิลพลาสติกในประเทศไทย ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดวิกฤติภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง”
นอกจากนี้ ยูนิลีเวอร์ ยังร่วมมือกับเอสซีจี ภายใต้โครงการ “แยกดี มีแต่ได้” นำร่องที่ธนาคารขยะเทศบาลเมืองใหม่บางบัวทอง เชิญชวนสมาชิกแยกบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้แล้วชนิด HDPE ขวดใสขุ่น และขาวทึบ เช่น ขวดนม หรือขวดน้ำยาล้างจาน ซึ่งจะนำไปผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงสำหรับขวดบรรจุภัณฑ์ใหม่ต่อไป สำหรับบรรจุภัณฑ์หลายชั้น (Multilayer) เช่น ถุงน้ำยาปรับผ้านุ่มหรือ ถุงแบบรีฟิล จะนำไปเข้ากระบวนการ Advanced Recycling Process เทคโนโลยีรีไซเคิลพลาสติกของเอสซีจี เพื่อเปลี่ยนพลาสติกใช้แล้วเป็นวัตถุดิบตั้งต้น หรือ Recycled Feedstock สามารถนำกลับมาผลิตเม็ดพลาสติกใหม่ได้อีกตามหลักเศษฐกิจหมุนเวียน โดยทุก 1 กิโลกรัม แลกรับผลิตภัณฑ์ยูนิลีเวอร์ 1 ชิ้น ตั้งเป้า 60 วัน ในการรวบรวมบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้แล้วให้ได้จำนวน 6,000 กิโลกรัม โดยจะเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มิถุนายน 2564 ซึ่งตรงกับวันสิ่งแวดล้อมโลก เป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนในชุมชนจัดการขยะอย่างถูกวิธี รู้จักการคัดแยกประเภทพลาสติก สร้างระบบการจัดการขยะรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เห็นคุณค่าของพลาสติกใช้แล้ว ว่าสามารถนำไปหมุนเวียนสร้างประโยชน์ใหม่ได้อย่างยั่งยืน